เทคนิคการใช้ไขควงไฟฟ้าไร้สาย!!!
เทคนิคการใช้ไขควงไฟฟ้าไร้สาย!!!
ไขควงไฟฟ้าไร้สายถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานของช่างตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับมืออาชีพที่ต้องทำงานในระดับงานโครงสร้างขนาดใหญ่ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันไขควงไฟฟ้าไร้สายยังถูกพัฒนาให้สามารถใช้งานหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทำให้ไขควงไฟฟ้าไร้สายเป็นที่นิยมและเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับช่างในทุกระดับ
บทความนี้เราพาไปดูแนะนำเทคนิคการใช้งานไขควงไฟฟ้า ตั้งแต่การเลือกดอกไขควง การปรับแรงบิด การเลือกเกียร์ การเตรียมแบตเตอรี่ ไปจนถึงการดูแลหลังใช้งาน พร้อมแอบแนะนำเครื่องมือจาก Masaru ให้เป็นไอเดียสำหรับเพื่อนช่างที่มองหาอุปกรณ์ใหม่
การเลือกดอกไขควง
สิ่งแรกคุณควรทำคือการสังเกตว่าหัวสกรูรูปแบบใด
- แบบหัวแฉก (+) ควรเลือกดอกไขควงแฉก
- แบบหัวผ่า (-) ควรเลือกดอกไขควงปากแบน
- และหากเป็นหัวจมหกเหลี่ยม ควรเลือกดอกไขควงเป็นแบบประแจหกเหลี่ยมนอกจากนี้
ถ้าเลือกรุ่นไขควงที่มี หัวต่อแม่เหล็ก จะช่วยไม่ให้หัวสกรูหล่นหายระหว่างขันได้เยอะ
ถ้าไม่แน่ใจเรื่องขนาดของสกรู ให้เริ่มจากดอกเล็กก่อนแล้วค่อยขยับขนาดให้ใหญ่ขึ้นจนพอ จะช่วยปกป้องไม่ให้หัวสกรูเสียหายได้
การปรับระดับแรงบิด
แรงบิด คือแรงในการหมุนของไขควงเพื่อขันสกรู ถ้าตั้งค่าไม่เหมาะสม อาจจะทำให้สกรูแน่นเกินหรือหลวมเกินได้
- 1 - 5 Nm: ใช้ในงานเบา เช่น ประกอบเฟอร์นิเจอร์ หรืองานประดิษฐ์ DIY
- 5 - 10 Nm: ใช้ในงานปานกลาง เช่น งานซ่อมแซมทั่วไป
- และ 10 Nm ขึ้นไป: ใช้ในงานหนัก เช่น ซ่อมรถยนต์ หรือโครงสร้างที่ต้องการแรงขันสูง
ในท้องตลาดมีรุ่นที่ทำได้ เช่น Masaru รุ่น SCDS-175 ที่สามารถปรับระดับแรงบิดได้มากที่สุด 21 ระดับทำให้ง่ายต่อการเลือกตั้งให้ตรงกับงานจริง
การปรับเกียร์
- เกียร์ 1 เป็นเกียร์ที่มีแรงบิดสูง ความเร็วต่ำ เหมาะสำหรับงานขันสกรู
- เกียร์ 2 เป็นเกียร์ที่มีแรงบิดต่ำ ความเร็วสูง เหมาะสำหรับงานเจาะ
การเตรียมแบตเตอรี่สำรอง
งานจะไม่สะดุดถ้าพกแบตเตอรี่สำรองไว้เสมอ โดยเฉพาะเวลาทำงานนอกสถานที่ อย่างไขควงคลัชไร้สาย รุ่น Masaru รุ่น SCDS-175 ใช้แบตที่เปลี่ยนง่าย เพียงกดสไลด์ออกแล้วใส่ก้อนใหม่ ทำงานต่อได้ทันที ทำให้งานเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น
การดูแลหลังการใช้งาน
หลังจากใช้งานเสร็จแล้ว ให้ทำความสะอาดเครื่องมือหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า เพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ให้ยาวนานขึ้น ลองใช้ลมเป่าเศษฝุ่น เศษผง หรือเศษไม้รอบๆ ตัวเครื่อง ตรวจสอบสายชาร์จและอุปกรณ์ต่างๆ ถ้าเจอรอยฉีกขาด ก็ส่งซ่อมหรือซื้อใหม่เพื่อความปลอดภัยของคุณ แล้วค่อยเก็บอุปกรณ์และเครื่องมือทั้งหมดไว้ในกล่องที่ปิดมิดชิดเพื่อป้องกันความเสียหายจากความชื้นและแมลง